15 กุมภาพันธ์ 2558

มารู้จักกับหนอนหัวดำมะพร้าว

      บทความนี้จะขอนำเสนอ หนอนหัวดำ ที่เป็นศัตรูพืชของสวนมะพร้าวกันครับ ซึ่งเป็นปัญหาหนักของชาวเกษตรกรเป็นอย่างมาก จนทำให้ผลผลิตก็จะลดลงตามมา แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบกันดีว่าหนอนหัวดำ มันคือตัวอะไร ทำไมชาวสวนมะพร้าวจึงต้อง ผวาและอยากกำจัดมันมาก

หนอนหัวดำ

      ทางชีววิทยา
  • มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Opisina arenosella Walker มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Coconut black-headed caterpillar
  • ขนาดลำตัววัดจากหัวถึงปลายท้อง ยาวประมาณ 1 - 1.2 เซนติเมตร
  • ปีกสีเทาอ่อน มีจุดสีเทาเข้มที่ปลายปีก ลำตัวแบน
  • ระยะหนอน  32 - 48 วัน มีการลอกคราบ 6 - 10 ครั้ง
  • เวลากลางวันจะเกาะนิ่งหลบอยู่ใต้ใบมะพร้าวหรือในที่ร่ม
  • หนอนหัวดำมะพร้าวตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน 
  • ผีเสื้อเพศเมียมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้เล็กน้อย
  • ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ 200 ฟอง

      ต้นกำเนิดหนอนหัวดำ

          หนอนหัวดำ มีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า อินเดีย บังกลาเทศ และศรีลังกา
         



ตาราง แสดงระยะการเจริญเติบโตของหนอนหัวดำมะพร้าว

ระยะการเจริญเติบโต
ช่วงเวลา
เฉลี่ย
ระยะไข่
4 - 5 วัน
-
ระยะหนอน     วัยที่ 1
3 - 5
3.81
ระยะหนอน     วัยที่ 2
4 - 8
5.07
ระยะหนอน     วัยที่ 3
3 - 6
4.52
ระยะหนอน     วัยที่ 4
2 - 5
3.88
ระยะหนอน     วัยที่ 5
3 - 12
5.24
ระยะหนอน     วัยที่ 6
3 - 9
4.32
ระยะหนอน     วัยที่ 7
3 - 9
5.52
ระยะหนอน     วัยที่ 8
5 - 10
6.95
ระยะหนอน     วัยที่ 9
5 - 10
7.78
ระยะหนอน     วัยที่ 10
8 - 9
8.33
รวมระยะหนอน
32 - 48
41.92
ระยะดักแด้
9 - 11
10.24
ระยะตัวเต็มวัย
3 - 10
5.73



หนอนหัวดำ ตัวเต็มวัย
 ลักษณะการทำลายของหนอนหัวดำ

     หนอนหัวดำจะกัดแทะผิวใบแก่และจะสร้างใยถักพันโดยใช้มูลที่ถ่ายออกมา ผสมกับเส้นใยและสร้างขุึ้นคล้ายอุโมงค์ตามแนวยาวของใบมะพร้าว ตัวหนอนจะอาศัยอยู่ในอุโมงค์ที่มันสร้างขึ้นมาและแทะใบไปเรื่อยๆ



ใบต้นตาลที่ถูกหนอนทำลาย

ใบมะพร้าวที่ถูกหนอนทำลาย

ใบมะพร้าวที่ถูกหนอนทำลาย

พืชอาหารของหนอนหัวดำ

      พบว่าหนอนหัวดำมะพร้าว ลงทำลายพืชหลายชนิด  ได้แก่ มะพร้าว  ตาลโตนด  ตาลฟ้า
ปาล์มหางกระรอก  ปาล์กแวกซ์  จั๋ง  หมากเขียว อินทผลัม และกล้วยพัฒนาสายพันธุ์ ร้าว


ผลกระทบจากหนอนหัวดำ

     การทำลายของหนอนหัวดำนี้ จะทำให้ผลผลิตมะพร้าวลดลงมากกว่าร้อยละ 50 และจะทำให้ต้นมะพร้าวตายในที่สุด



 ที่มาข้อมูลและรูปภาพ: กรมวิชาการเกษตร











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น